หลายๆคนคงรู้ว่าเวลาสีสันเนี่ยค่ะ สามารถบอกอะไรได้มากกว่าที่คิด ไม่ว่าเราจะเอาสีแต่ละสีมาใช้ในประเภทธุรกิจของตัวเอง
มาใช้ในการทำผลิตภัณฑ์ มาใช้เป็นสีที่เป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจ แต่ในวันนี้ติวจะมาบอกว่า นอกจากการรู้ความหมายของสีแต่ละสีจะเป็นประโยชน์แล้วเรายังสามารถเอามาประยุกต์ใช้และวิเคราะห์ได้อีกด้วยนะออเจ้า
และในวันนี้สิ่งที่ติวจะนำมาแชร์จะเป็นตัวช่วยให้คุณมีโอกาสปิดการขายสินค้าหรือบริการของคุณได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ
เพราะ วันนี้เราจะมาพูดถึง การแอบดูอารมณ์ลูกค้าจากโทนสีที่ลูกค้าเลือกใส่ มาซื้อของนั่นเองค่ะ
ว่าแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ ว่าแต่ละสีที่ลูกค้าใส่ เราจะเข้าใจลูกค้าได้ยังไงบ้าง
1.สีดำ : วันที่ลูกค้าใส่สีดำ วันนั้นจะบ่งบอกว่าลูกค้าให้ความสำคัญกับเรื่องราวของศักยภาพ ความเป็นทางการแบบสากล
ความทันสมัย และอาจบ่งบอกถึงการปิดบังรูปร่างเพราะคิดว่าตัวเองน้ำหนักขึ้น เพราะสีดำสามารถช่วยให้ดูผอมได้ค่ะ
วิธีการคุยกับลูกค้า : อาจเริ่มคุยกับลูกค้าในเรื่องราวของบุคลิกภาพ ความทันสมัย หรือเรื่องราวการดูแลสุขภาพให้ดูดีอยู่เสมอ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งในเรื่องของสินค้าสวยงาม อาหารเสริม หรือเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก เพิ่มมวลกล้ามเนื้อค่ะ ถ้าเป็นในกรณีสำหรับธุรกิจที่เป็นงานเชิงบริการ ลองคุยกับลูกค้าในลักษณะกึ่งทางการ กึ่งสบายๆได้ค่ะ ไม่แนะนำให้คุยแนวคุยเล่นแบบมากเกินไป นอกจากกรณีที่ลูกค้าเป็นคนเปิดประเด็นเชิง Friendly เยอะๆ แบบนั้นลุยได้เลยค่ะ
2.สีน้ำเงิน : วันที่ลูกค้าใส่สีน้ำเงิน จะบ่งบอกถึงความสุขุม เป็นแนวเชิงทางการ บ่งบอกถึงพลังงานความมั่นคงและความน่าเชื่อถือ ความสบายใจและความไว้ใจค่ะ
วิธีการคุยกับลูกค้า : อาจเริ่มคุยกับลูกค้าในเรื่องราวของเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างสบายใจในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องเชิงส่วนตัวมากเกินไป สามารถคุยเข้าประเด็นในเรื่องของการงานได้เลยค่ะ ถ้าโทนสีที่ใช้เป็นโทนสีน้ำเงินเข้ม แต่ถ้ากรณีที่โทนสีเป็นโทนที่มีความสว่างเยอะสามารถดึงไปในเรื่องที่ผ่อนคลายมากขึ้น วิธีการที่ช่วยรับมือกับความเครียดที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน นำเสนอแนวทางในการพักผ่อนในรูปแบบต่างๆได้ค่ะ ตัวอย่างธุรกิจที่น่าจะปิดการขายได้มากกว่าปกติ คือ ธุรกิจแนวที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของธุรกิจ ธุรกิจที่ช่วยเรื่องของ Marketing ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทัวว์หรือการพักผ่อน หรือผ่อนคลายจากความเครียดค่ะ
3.สีเขียว : วันที่ลูกค้าใส่สีเขียวคือวันที่ลูกค้ารู้สึกสบายใจ หรือเรียกว่าอารมณ์แบบ ชิล ก็ได้ค่ะ แบบกลางๆ สบายๆ ไม่เร่งรีบไม่รีบร้อน รู้สึกเชิงสงบสดชื่น บางเคสอาจสื่อถึงความชอบธรรมชาติได้เหมือนกันค่ะ
วิธีการคุยกับลูกค้า : คุยเรื่องในชีวิตประจำวันได้เลยค่ะ เน้นเรื่องที่เป็นเชิง Positive และเรื่องของความสงบสบายใจ หรือบางเคสอาจนำเสนอแนวทางที่เป็นธรรมชาติ เน้นธรรมชาติ เพื่อสังคม หรือเป็นโครงการที่เป็นเชิงอนุรักษ์หรือช่วยเหลือได้ค่ะ แต่ว่าการปิดการขายกับวันที่ลูกค้าใส่สีเขียวอาจจะยากนิดหน่อย เพราะอารมณ์ลูกค้าสงบดีแล้ว มีความสุขดีแล้ว อาจไม่ได้มี demand ในการต้องการสินค้าในระดับที่สูงๆ แต่ถ้าคนไหนมีวิธีการสร้าง Demand ให้ลูกค้าได้เก่ง คุยได้เลยค่ะ
4.สีส้ม : ลูกค้ากำลังอยู่ในอารมณ์ลั้นลา สนุกสนาน และมีความสุข อาจบ่งบอกถึงช่วงชีวิตที่กำลังมีสีสัน
วิธีการคุยกับลูกค้า :เน้นคุยเชิง Friendly ได้เลยค่ะ เพราะอารมณ์ลูกค้าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างสนุกอยู่แล้ว มีความคิดเชิงบวกและอาจหมายถึงการ enjoy ในการเข้าสังคมได้ด้วยค่ะ
5.สีชมพู : วันที่ลูกค้าใส่สีชมพู คือวันที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพเป็นพิเศษ หมายถึงการดึงดูดจากเพศตรงข้าม การดึงดูดจากคนที่ชอบ ความมีเสน่ห์
วิธีการคุยกับลูกค้า : เป็นวันดีมากๆของสินค้าและบริการเชิงบุคลิกภาพค่ะ เพราะเป็นวันที่ลูกค้าค่อนข้างเปิดใจเข้าหาสินค้าและบริการที่ช่วยส่งเสริมทางด้านเสน่ห์และการดูดีกว่าเดิมให้มากขึ้นค่ะ
6.สีม่วง : เป็นวันที่ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองมีระดับ เชิงหรู บ่งบอกถึงความมีคลาส
วิธีการคุยกับลูกค้า : อาจคุยถึงเรื่องราวของการมีสไตล์ และวิธีการที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าจะช่วยให้ตัวเองมีระดับหรือมีความน่าค้นหามากขึ้นค่ะ สามารถนำเสนอสินค้าแนวหรูได้สำหรับลูกค้าบางเคสค่ะ
7.สีแดง : เป็นวันที่บ่งบอกถึงความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม ความกระตือรือร้น แสดงออกถึงความมีไฟ ฮึกเฮิม หรือหมายถึงความอยากก้าวหน้าได้ค่ะ
วิธีการคุยกับลูกค้า : ลองนำเสนอสินค้าและบริการที่ทำให้เค้ารู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้น และก้าวหน้ามากขึ้นได้นะคะ เช่น อุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดเวลา หรือวิธีที่ทำให้ก้าวหน้าได้ไวขึ้น หรือสินค้าที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกโดดเด่น นำเทรน มีความสำคัญ ล้ำสมัย
8.สีขาว : เป็นวันที่ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองมีระดับเชิงผู้ดี ให้ความรู้สึกหล่อ สวย หรือดูดี บ่งบอกถึงความสุภาพ อ่อนน้อม
วิธีการคุยกับลูกค้า : หลีกเลี่ยงการคุยกับลูกค้าเชิงรุก หรือเชิงที่เฟรนลี่เกินไปค่ะ เหมาะสมที่จะมีระยะให้ลูกค้า ลองคุยในลักษณะที่ให้เกียรลูกค้าที่ใส่สีขาวดูค่ะ และยังเป็นโอกาสดีที่จะนำเสนอสิ่งของแนวทันสมัยมากๆ หรือสินค้าแนวคลีนๆ แบบ Minimal ด้วยค่ะ
9.สีเหลือง : บอกถึงความมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นค่ะ รวมถึงการมองโลกในแง่ดี
วิธีการคุยกับลูกค้า : สามารถคุยในลักษณะที่เป็นแนวที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกโดดเด่นและสดใส สามารถคุยในลักษณะสนุกได้ค่ะ คล้ายกับสีส้ม สินค้าและบริการที่เหมาะสมกับวันนี้คือ สินค้าแนวทางบันเทิง หรือว่าสินค้าสะสม หรือสินค้าเพิ่มความสนุกสนาน และเติมสีสันให้ชีวิตค่ะ
นี่คือ 9 โทนสีชุดที่เป็นข้อมูลพื้นฐานที่จะช่วยให้คุณดูแลลูกค้าได้มากขึ้นค่ะ
แต่ว่าวิธีการดูจากสีชุดจะไม่ได้เป็นไปตามที่แนะนำไว้ด้านบนแบบทุกครั้ง 100 % ตลอดเวลานะคะ
เพราะจริงๆแล้ว นอกจากเรื่องของโทนสีชุดแล้วเรายังดูได้จากสไตล์ จากบุคลิกภาพ สีหน้าท่าทาง และที่สำคัญดูจากอารมณ์ของลูกค้า ณ เวลานั้นๆอีกทีค่ะ แต่ติวคิดว่าข้อมูลส่วนนี้น่าจะมีความเป็นประโชน์และเพิ่มโอกาสให้เราเข้าใจลูกค้าได้มากกว่าเดิมค่ะ
สุดท้ายแล้ว จริงๆเวลาที่เราเจอลูกค้าแต่ละแบบ สิ่งที่ลูกค้าจะประทับใจจริงๆไม่ใช่วิธีการพูดค่ะ
แต่เป็นวิธีการที่เข้าใจและเข้าถึงกับมากแค่ไหน หมายถึงเราคุยกันเรื่องเดียวกันรึเปล่า
เพราะถ้าเราตั้งใจดูแลลูกค้า ลูกค้าก็จะรู้สึกถึงความตั้งใจนั้นได้ค่ะ