Tag: how to

10 ways to look expensive : 10วิธีแต่งตัวให้ดูแพง

10 ways to look expensive : 10วิธีแต่งตัวให้ดูแพง

เรื่องของบุคลิกเป็นเรื่องสำคัญค่ะ ไม่ว่าเราจะไปติดต่องาน หรือเจอผู้คน หรือตกลงธุรกิจต่างๆ บุคลิกย่อมเป็นความประทับใจแรกที่ทำให้คนเราเกิดความประทับใจ วันนี้ติวเลยเอาเทคนิควิธีที่จะช่วยให้คุณดูแพง และดูดีขึ้นด้วยเทคนิควิธีการแต่งตัว 10 วิธี  มีอะไรกันบ้าง มาดูกันเลยค่ะ   1.Red lips : การทาปากสีแดงจะช่วยทำให้ขับบุคลิกขึ้น ให้ความรู้สึกของความมั่นใจ ความมีเสน่ห์ ความเป็นผู้หญิงและบ่งบอกถึงความเซ็กซี่ในแบบเป็นผู้ใหญ่ค่ะ       2. Black / White : ใส่ชุดโทนขาวหรือดำทั้งตัวเป็นเทคนิคง่ายๆที่ได้ผลมากกับเรื่องของการขับบุคลิกภาพให้ดูเป็น Professional มีความแพง และดูหรูและมีสไตล์ค่ะ        3. ชุดที่Cutting มาดีใส่แล้วพอดีกับตัว : นี่เป็นเหตุผลที่คนหลายคนนิยมตัดชุดใหม่เพื่อเป็นขนาดเฉพาะของตัวเองค่ะ เพราะว่าการที่เราไปซื้อชุดสำเร็จในหลายๆครั้งเราอาจจะพบว่ามีค่า  error ในการใส่ในรูปแบบต่างๆ เช่น สะโพกหลวมไป บางจุดแน่นไป หรือไหล่ตก […]

ออกแบบ Collection ใหม่ Develop Design ไปทางไหนดี?

ออกแบบ Collection ใหม่ Develop Design ไปทางไหนดี?

  “Design Collection ใหม่ทิศทางไหนดี” จริงๆแล้วการทำธุรกิจในยุคนี้โดยเฉพาะธุรกิจแนวที่เป็นผลิตภัณฑ์ มักจะมีการ Develop Design ใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาของตัวสินค้าทั้งในลักษณะที่เป็น Version ใหม่ๆออกมาจากผลิตภัณฑ์ตัวเดิม หรืออีกกรณีคือการพัฒนาสินค้าออกมาในรูปแบบของการผลิตออกมาเป็น Collection ใหม่ เทคนิคการพัฒนาตัวสินค้าของธุรกิจต่างๆ มักจะมีอยู่หลายประเภท ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายลักษณะตามความต้องการ ตามเป้าหมาย ตามวิสัยทัศน์ และตาม concept ขององค์กรนั้นๆ   ในวันนี้สิ่งที่ติวจะเอามาแชร์คือ เทคนิคการพัฒนาตัวสินค้าในรูปของ Design เหมาะสำหรับเป็น Key ที่จะช่วยบอกว่า ถ้าเราต้องการเปลี่ยนรูปแบบของ Product เราโดยเน้นในเรื่องของงาน Design เราจะสามารถพัฒนาไปในรูปแบบไหนได้บ้าง มีไอเดียยังไง และในเวลาที่ Product ได้มีการพัฒนารูปแบบมาก่อนแล้ว และพัฒนามาถึงจุดๆนึงแล้ว เราควร Develop แนวทางสินค้าไปในรูปแบบทิศทางไหนต่อดี   นี่คือรูปแบบแนวทางของการพัฒนารูปแบบสินค้าค่ะ […]

อยากเป็นคนคิดนอกกรอบปะล่ะ? ลองวิธีนี้สิ

อยากเป็นคนคิดนอกกรอบปะล่ะ? ลองวิธีนี้สิ

ถ้าการคิดนอกกรอบมันทำให้เราสนุกและรู้สึกดี เป็นประโยชน์ในหลายแขนงและทำให้เกิดสิ่งดีๆได้เยอะแยะ
งั้นเรามาลองเป็นคนคิดนอกกรอบกันเถอะ

หลายๆคนคงเคยเจอคนที่มีแนวคิดแปลกและไอเดียดีๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ทำงานทางด้านสายครีเอทีฟเท่านั้นแต่เรายังหาคนเหล่านี้ได้ทั่วไป เช่น คนที่แก้ปัญหาบางอย่างได้อย่างน่าทึ่ง คนที่แก้ระบบไฟฟ้าด้วยเทคนิคอื่นที่คิดพลิกแพลงเอง คนที่โยนมุขในแบบที่เราหยุดหัวเราะไม่ได้ คนที่ดูแลคนอื่นด้วยวิธีที่ใครๆคิดไม่ถึง และรวมถึงคนทำงานสายออกแบบและสร้างสรรค์ในแขนงต่างๆ

 

หลายๆคนคงรู้สึกแปลกใจ อาจรวมถึงประทับใจในสิ่งเหล่านี้จนเรารู้สึกว่า เค้ามีระบบความคิดยังไงนะ ทำไมถึงคิดอะไรได้แบบนั้น เราประทับใจและอยากทำได้แบบนั้นบ้าง อยากเป็นคนแบบนั้นบ้าง

ติวจะขออนุญาตแบ่งแนววิธีการคิดนอกกรอบออกเป็น 2 อย่างค่ะ
อย่างแรก คือ ผลงานที่เห็นเป็นชิ้นงาน หรือที่เราเห็นได้ในงานดีไซน์ต่างๆ ถ่ายทอดวิธีการคิดเป็นชิ้นงานออกมาแบบจับต้องได้ และสื่อวิธีการหรือผลงานให้เห็นแบบชัดเจน เช่น Designer ต่างๆ , นักซ่อมปีกผีเสื้อ , นักแต่งเพลง

อย่างที่สอง คือ การสร้างสรรค์ผ่านระบบความคิด ซึ่งผลงานที่ออกมา เรารับรู้ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องจับต้องได้เป็นชิ้นงาน แต่เราสัมผัสได้จากความรู้สึก เช่น คนที่สร้างสรรค์ความสนุกและอารมณ์ดีให้คนอื่นแบบพี่โน้ต อุดมแต้พานิช , นักร้อง , นักดนตรีที่โซโลที่ improvise สด

 

ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่คิดในมุมมองที่แปลกไป หลายอย่าง ซึ่งฉีกแนวออกจากเรื่องเดิมๆ
ทำให้เรารู้สึกประทับใจโดยการที่เรารับรู้ได้จากการ มองเห็น ได้ยิน ได้เจอ ได้เข้าใจ และได้รู้สึก และนอกจากนี้ไอเดียใหม่ๆยังช่วยสร้างสิ่งต่างๆที่ไม่คาดคิดได้เสมอ การช่วยเหลือเยียวยาทางด้านการรักษาและระบบการแพทย์  การประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงพัฒนาแบบ Elon Musk   การค้นพบทางลัดเพื่อช่วยเหลือและเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตแต่ละด้าน รวมถึงการลดระยะเวลา ทรัพยากรณ์ และพลังงานต่างๆได้อีก

 

ถ้าไอเดียดีๆทำให้เกิดเรื่องดีๆได้เยอะแยะและยังทำให้เกิดสิ่งใหม่ได้อีก งั้นเรามาลองคิดนอกกรอบกันบ้างดีไหม
เราสามารถพัฒนาตัวเองให้ฝึกคิดสิ่งใหม่ได้เรื่อยๆได้อย่างง่ายๆ ด้วยวิธีที่เรียกว่า ‘The 30 circles challenge’

‘The 30 circles challenge’ ถูกยกขึ้นมาพูดโดย Tim Brown บนเวที Ted talk ปี  2008
ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้เราฝึกความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างดีเยี่ยม โดยวิธีการก็ง่ายๆคือ
1. ให้เราวาดรูปลงบนกระดาษที่มีวงกลม 30 วง โดยมีข้อแม้ว่ารูปแต่ละรูปต้องต่างกัน
( สามารถ save กระดาษสำหรับวาดได้ที่นี่ค่ะ)
2. ให้เราพยายามทำให้ได้ 30 วง ภายในเวลา 3 นาที ( ซึ่งบางที่ติวเห็นจับเวลา 1 นาที อันนี้แล้วแต่ชอบเลยค่ะ )
3. ให้เน้นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ เน้นรูปแบบที่มีคุณภาพ มีความสวยมากกว่าจะเร็วแต่ว่าไม่ค่อยมีรายละเอียดและคล้ายกันไปหมด

 

                          

ตัวอย่างรูปกระดาษ30 circles challenge                                                     ตัวอย่างวิธีการวาดลงกระดาษ

 

ในการวาดรูปลงบนกระดาษนี้นอกจากจะเป็นตัวช่วยรวบรวมไอเดียของเราได้ดีแล้ว ยังเป็นการช่วยรีดศักยภาพของสมอง ที่ส่งผลต่อความคิดสร้างสรรค์

 

ถ้าอยากรู้ว่าเราพัฒนาด้านความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นรึยัง มากขึ้นขนาดไหน
ให้ลองสังเกตตัวเองง่ายๆจากการที่เราคิดรูปต่างๆเป็นยังไงบ้าง
– ความเร็วในการทำเสร็จ เร็วขึ้นหรือช้าลง
– รูปแบบ Design ที่ออกมาละเอียดขึ้นหรือว่ามีการตัดทอนมากขึ้น
( ถ้า Design ที่ออกมา % ผลงานที่เยอะสุดคือผลงานคุณ
หลากหลาย ดีเทลไม่เยอะ แต่มี gimmick อันนี้เป็นไปได้ว่าคุณเหมาะกับแนว Modern หรือ Minimal ค่ะ)
– รูปแบบ  Design  แต่ละวงมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
( ถ้างาน Design ของคุณคล้ายกันหลายอัน แสดงว่าคุณเป็น
คนที่มีจุดเด่นในการออกแบบแนว Collection ค่ะ แต่ถ้างานแต่ละชิ้นหลุดออกจากกันเกือบทั้งหมด คุณเหมาะที่จะทำงานเชิงที่เป็นงาน Niche น้อยชิ้น และงานแนว Master piece ค่ะ )
– เส้นหรือตัวสัญลักษณ์หลักที่เราใช้เยอะที่สุดคืออะไร
( ตัวนี้สามารถต่อยอดให้รู้ถึงเอกลักษณ์ส่วนตัวเชิงบุคคลที่ถ่ายทอดในงาน

แล้วคนมักจะจำได้ค่ะ ว่านี่คืองานของคุณ )
– เรามีอารมณ์ขันง่ายขึ้นไหม 
– เราคิดงานออกแบบ หาไอเดียได้เร็วขึ้นรึเปล่า
– เราแก้ปัญหาได้ไวกว่าปกติไหม
( ถ้าสังเกตแล้วคุณเป็นคนที่แก้ปัญหาได้ไวขึ้น แสดงว่าคุณเหมาะกับงานเชิงพลิกแพลง

และเป็นไปได้สูงค่ะถ้าลองต่อยอดลงมือทำงานเชิงนวัตกรรม หรือประดิษฐ์ใหม่ อาจจะไปได้ไกล)


นี่เป็นวิธีการสังเกตตัวเองแบบคร่าวๆค่ะ ถ้าคุณลองฝึกบ่อยๆ และหลายอย่างมีแนวโน้มเชิงพัฒนา

ยินดีด้วยค่ะ คุณคิดได้ไวขึ้น และมองมุมใหม่ได้มากขึ้น และเป็นคนที่คิดนอกกรอบมากกว่าเดิมแล้วค่ะ
และเจ้าวิธีการคิดนี่เองค่ะ ที่ทำให้เราต่อยอดทำอะไรหลายอย่างได้อีกมากมาย แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเราจะเป็นคนที่คิดนอกกรอบมากขนาดไหน  อย่าลืมเอาความคิดและความรู้สึกไปไว้ในที่ๆเดียวกัน  เพราะงานที่นอกกรอบและยังทำด้วยใจรัก ใครๆก็สัมผัสได้ค่ะ ว่างานชิ้นนั้นนอกจากจะเป็นประโยชน์ในด้านต่างๆสำหรับหลายๆอย่างแล้ว สิ่งหนึ่งที่คนหลายๆคนจะสัมผัสได้ก็คือ งานชิ้นนั้นส่งตรงมาจากคุณและผ่านความรู้สึกออกมาจริงๆ

 

การส่งสาส์นบางทีก็ไม่ใช่การพูดจา แต่อาจหมายถึงการสื่อออกมาทางความตั้งใจในผลงาน
เหมือนนักดนตรีที่ส่งต่อเสียงเพลง เราจับต้องไม่ได้ แต่เรารู้สึก และเราได้ยิน
เรารู้สึกว่ารู้สึกยังไงและเรารู้ ว่ามีอยู่จริง
ถ้าคนที่คิดนอกกรอบเป็น นั่นเรียกได้ว่าเป็นศิลปิน แต่ศิลปินที่ดีต้องใช้วิธีการคิดนอกกรอบในทาง
ที่อำนวยความสุขให้คนอื่นหรือช่วยให้คนอื่นดีขึ้น ดูแลและแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยความสามารถที่ตัวเองมี

 

ติวชอบที่ไอสไตน์ บอกว่า ‘Imagination is more important than knowledge’ 
“แต่สิ่งที่สำคัญกว่า Imagination คือ
การที่ Imagination อันนั้นได้ช่วยเหลือคนหรือสิ่งต่างๆไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ”

 

How to ขั้นตอนการดึงโทนสีจากรูปที่ชอบมาใช้งาน

How to ขั้นตอนการดึงโทนสีจากรูปที่ชอบมาใช้งาน

หลายๆคนคงเคยเจอปัญหาที่ว่า กำลังจะทำงานหรือทำธุรกิจ แต่ว่าไม่รู้ว่าจะเลือกโทนสีที่ชอบยังไงดี หรือในบางเคสอาจจะมีรูปที่ชอบมากเลย อยากได้โทนนี้แหละ สไตลล์แบบนี้เลย แต่ว่าไม่รู้จะเลือกสีออกมาใช้ยังไง คือเราอยากได้อารมณ์แบบในภาพนี่แหละ แต่เราไม่รู้ว่าจะเดินหน้ายังไงต่อ ในภาพมีตั้งหลายสี แล้วเราจะเลือกใช้โทนสีไหน ที่นี่มีคำตอบค่ะ เพราะในโพสนี้ ติวจะมาแชร์ How to ขั้นตอนการดึงโทนสีจากรูปที่ชอบมาใช้งาน  ซึ่งติวมั่นใจว่าเทคนิคตรงนี้จะเป็นประโยชน์มากๆสำหรับคนที่ต้องการดึงค่าสีมาใช้ โดยเฉพาะเชิงธุรกิจค่ะ ว่าแล้วก็ไปดูเทคนิคกันเลยว่าเราจะมีขึ้นตอนอะไรกันบ้างในการดึงสีออกมาใช้ ขั้นตอนการดึงโทนสี 1. ให้เราหารูปที่เราชอบมาซักรูปค่ะ จากนั้นเอาเข้าโปรแกรม Photoshop หรือ Illustator เพื่อลองเทียบค่าสีออกมา โดยให้เราดูดค่าสีตรงบริเวณที่เราเห็นชัดเจนออกมาจริงๆค่ะ อย่างน้อยที่สุดให้ได้ 4 สี  ถ้าเห็นมากกว่านั้นจะดึงออกมามากกว่าก็ได้ค่ะ พอเห็นสีแล้วให้ดึงสีแยกออกมาให้เห็นชัดๆข้างๆอย่างรูปตัวอย่างด้านล่างนี้ค่ะ       2. เมื่อเราได้สีที่ชัดเจนออกมาแล้วอย่างน้อย 4 สี ให้เราลองดูว่า สีที่มีเพียงพอและเป็นสีที่เราชอบรึยัง ถ้ายังให้เราลองทำการดึงสีเพิ่มค่ะ ให้เราค่อยๆสังเกตดูว่า มีโทนสีไหนที่เรามองข้ามไปรึเปล่า […]

Idea การสร้าง Design ใหม่ๆจากการ ‘กอด’

Idea การสร้าง Design ใหม่ๆจากการ ‘กอด’

Idea การสร้าง Design ใหม่ๆจากการเป็นคนชอบกอด จริงๆแล้วเทคนิคและไอเดียในการสร้างสรรค์ผลงาน ไม่เคยถูก Fix ว่าต้องมีกฏเกณฑ์ใดๆที่ตายตัวในเรื่องของไอเดีย ยกเว้นในเรื่องของการคำนวณต่างๆที่มีความจำเป็นในลักษณะการที่มีงานฟิสิกส์เข้ามาเกี่ยวข้อง เกี่ยวกับแรง พื้นที่วัสดุต่อการรับน้ำหนัก องศาที่จำเป็นต้องใช้ต่างๆ อันนี้มีความจำเป็นต้องมีกฏเกณฑ์ตายตัวเพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัยและการใช้งาน แต่ในเรื่องของ Concept นั่นถือว่าค่อนข้างอิสระ โดยเฉพาะการคิดแรกเริ่มที่เราเอาแรงบันดาลใจมาจากไหนบ้าง อันนี้คนที่ออกแบบนี่แหละที่อาจต้องดูแลในส่วนนี้ ถ้าทำงานออกแบบมาหลายๆทีเราจะมีความรู้ว่า เอ้ย ไอเดียตันอะ ทำไงต่อดี ? วันนี้เลยเอาเทคนิคสนุกๆมาแชร์ค่ะ เป็น วิธีการออกแบบใหม่ จาก Concept  ‘HUG’ ที่แปลว่ากอดนั่นเอง ทีนี้เรามาดูกันว่าเราจะเอา ‘กอด’ มาเล่นกับงานดีไซน์ของเรายังไงได้บ้าง Concept : Hug กอด ลักษณะโดยพื้นฐานของการกอด : การกอดคือการที่คนๆอ้าแขนออกมากว้างเพื่อที่จะโอบกอด และเปิดกว้างพื้นที่เพื่อให้คนอีกคน หรืออีกหลายคนได้เข้าในพื้นที่ของเรามากขึ้น ด้วยประเด็นความรู้สึกที่ต้องการส่งต่อกันในความรู้สึกเชิงบวก อธิบายโดยสรุปตามลักษณะทางกายภาพ = การยื่นแขนออกมาเพื่อให้มีพื้นที่ว่างและกว้างมากขึ้น […]

วิธีหาสไตล์และคาแรคเตอร์ของคุณจากแนวเพลงที่ฟัง

วิธีหาสไตล์และคาแรคเตอร์ของคุณจากแนวเพลงที่ฟัง

“มันจะง่ายแค่ไหน ถ้าเราสามารถรู้ได้ว่า จริงๆแล้ว เราเป็นคนสไตล์ไหน เหมาะกับงานออกแบบอะไร? และอะไรที่เป็นจุดเด่นในตัวของเรา ที่เป็นตัวเราจริงๆ”

หลายๆคนอาจจะเคยเห็นว่า มีแหล่งแนะนำมากมายสำหรับวิธีการหาตัวเองให้เจอสำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วตัวเองชอบอะไร เหมาะกับงานแบบไหน สไตล์ไหน วิธีหาตัวเองที่ใช่เพื่อที่จะมีความสุข ในรูปแบบวิธีต่างๆ ซึ่งนั่นเป็นประโยชน์มากและควรค่าแก่การลองทำ และนี่เป็นอีกทางนึงที่ง่าย ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจความเป็นตัวเองมากขึ้น

หาความเจ๋งของคุณได้ง่ายๆจากแนวเพลงที่ชอบฟัง มีขั้นตอนการเช็คตัวเองดังนี้

– สังเกตว่าตัวเองชอบแนวเพลงแนวไหนบ้าง ที่ชอบมากเป็นพิเศษ – กรณีที่ชอบเพลงหลายแนวให้เลือกมา 2-3 แนวที่ชอบมากที่สุด – เข้าใจว่าคนหลายคนมักจะบอกว่าฟังเพลงได้หลายแนว แต่ลองสังเกตว่าประเภทไหนที่ฟังซ้ำบ่อยที่สุด – เทียบข้อสังเกตได้ตามข้อมูลข้างล่างนี้เลย


ประเภทเพลงกับบุคลิกและสไตล์ของคุณ 1. Pop ,  คุณมีแนวโน้มเหมาะกับสไตล์ Contemporary หรือ Modern Contemporary เพราะเป็นคนที่อารมณ์ดี ร่าเริง ส่วนใหญ่มักจะชอบธรรมชาติ มีความคิดเชิงบวก เหมาะสมกับสไตล์ที่มีชีวิตชีวา ร่วมสมัย

                                          

 

 

2. Rock , Metal , Alternative คุณมีแนวโน้มเหมาะกับสไตล์ Post Modern , Street Punk เพราะเป็นคนที่ค่อนข้างตรง เคารพตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์มาก

     

3.R&B , HIPHOP คุณมีแนวโน้มเหมาะกับสไตล์ Street , Modern เพราะเป็นคนที่แฝงความมีสีสันอยู่ในตัว ชอบรายละเอียดแบบที่แฝงความเท่ห์แต่ไม่มากจัดเกินไป

       

4.Indie , Soul คุณมีแนวโน้มเหมาะกับสไตล์ Modern-Contem , Old school , Vintage , Morocco คุณเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง ไม่ค่อยละเอียดอ่อน และเห็นคุณค่าของบางสิ่งที่หลายคนมองข้าม

       

5. New Age , Epic music คุณมีแนวโน้มเหมาะกับสไตล์ Fantasy , Legendary คุณเหมาะกับงานที่มีเรื่องราวต่างๆที่เรียกว่า story behind มีที่มา มีตำนาน ดูไม่มีอยู่จริงทั่วไป

     

6. Country คุณมีแนวโน้มเหมาะกับสไตล์ Vintage , Contemporary คุณชอบความมีเสน่ห์แบบดั้งเดิม หรือรูปแบบการร่วมสมัยที่ไม่หวือหวา

 

สรุปคือ เพลงช่วยทำให้เรารู้ว่าเรามีลักษณะแนวนิสัยยังไง และลักษณะนิสัยมักจะส่งผลชัดเจนต่อคาแรคเตอร์ตัวบุคคล โดยที่จริงๆแล้ว แต่ละสไตล์ยังสามารถผสมผสานกันเพิ่มได้อีก เช่น ถ้าคุณชอบ Indie Rock นั่นยังหมายถึงคุณอาจจะแตกออกไปอยู่ในประเภทคนที่หลงใหลสไตล์แนว Modern กลิ่นอาย old school ก็เป็นได้  ซึ่งการที่คุณแตกต่างไปอีกมันไม่ใช่ปัญหาที่น่าปวดหัว แต่มันเป็นข้อดีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใครๆก็จะจำคุณได้ง่ายขึ้นด้วยซ้ำ

ฉะนั้น จงภูมิใจในสไตล์ความเป็นตัวของตัวเอง

“เป็นตัวคุณในVersion ที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณ เพราะคุณสวยงามในแบบของคุณ”

BE . YOU . TIFUL

เทคนิคการ Develop สินค้าที่มีให้เป็น Collection ใหม่

เทคนิคการ Develop สินค้าที่มีให้เป็น Collection ใหม่

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีโครงการทำหรือผลิตสินค้าต่างๆ หรืออาจจะกำลังทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ คุณไม่ควรพลาดที่จะอ่านข้อความนี้ เพราะนี่คือวิธีการที่จะช่วยคุณในการออกแบบและผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใน Line ของคุณไม่ว่าจะเป็นแบบ collection หรือจะเป็นโปรดัคแยกเดี่ยวก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้เพราะมันจะช่วยให้คุณวางแผนในการออกแบบ Product รายปี รายสองปี หรือมากกว่านั้น ซึ่งเป็นประโยชน์มากแน่ๆในระยะยาว จริงๆแล้วในการออกแบบและผลิตสินค้า เรามักจะมีวงจรของการพัฒนาตามลำดับหรือที่เรียกว่า ‘Product Development’ หรือที่เรียกว่า ‘วิวัฒนาการของสินค้า’ จริงๆแล้ววิวัฒนาการของสินค้าสามารถแบ่งออกคร่าวๆได้ใน 3 แบบคือ 1. วิวัฒนาการทางด้าน Design : คือการพัฒนาสินค้าโดยเน้นในเรื่องของ Design เป็นหลัก คือ รูปร่าง ขนาด วัสดุตามความเหมาะกับตลาด เทรน และช่วงเวลา ตัวอย่างงาน Develop ทางด้าน Design แบบงาน 2D ของแบรนด์ PEUGEOT     […]